Apple เปิดตัว iPhone 12 Pro และ Pro Max พร้อมดีไซน์ใหม่, กล้อง 3 ตัวปรับปรุงใหม่ถ่าย RAW ได้, MagSafe, LiDAR และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกจำนวนมาก

iPhone 12 Pro ใช้หน้าจอ 6.1 นิ้ว ส่วน 12 Pro Max ใช้หน้าจอ 6.7 นิ้ว เป็น Super Retina XDR ทั้งคู่ ใช้หน้าจอกระจกเป็น Ceramic Shield เทคโนโลยีที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง เพื่อให้มีความทนทานสูง

ส่วนชิป Apple A14 Bionic ที่พัฒนาต่อไปอีกขั้นหนึ่ง พัฒนาในเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร ซึ่งภายในตัวชิปมีทั้งหมด 11.8 พันล้านทรานซิสเตอร์ มีทั้ง CPU, GPU ที่เร็วกว่าเดิม รวมถึงส่วนอื่นอย่าง Neural Engine, ML Accelerators ก็ได้พัฒนาให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้การทำงานด้าน machine learning และ AI มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

iPhone 12 Pro และ 12 Pro Max รองรับ 5G ที่ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดอย่างรวดเร็ว และปลดล็อกโอกาสในการใช้งานอุปกรณ์อีกหลายอย่างในอนาคต โดยเป็นระบบ 5G Ultrawide Band ที่มีช่องสัญญาณจำนวนมาก ทำให้ความเร็วสูงสุดถึง 4Gbps และ latency ในการใช้งานต่ำ ให้การใช้งานใกล้เคียงกับเรียลไทม์มากที่สุด

สำหรับตัวกล้อง iPhone 12 Pro จะยังคงกล้อง 3 ตัวคือไวด์, อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้ที่ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม, มีระบบกันสั่นแบบ sensor-shift ที่จะใช้การเคลื่อนย้ายเซนเซอร์เพื่อลดการสั่นไหวของกล้อง ให้กล้อง iPhone สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์

Apple ยังเปิดตัวระบบ RAW สำหรับกล้องบน iPhone ในชื่อว่า ProRAW เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับรูปภาพบน iPhone เพื่อให้ได้ภาพที่ดีกว่าการเก็บในฟอร์แมตปัจจุบันที่มีข้อมูลไม่ละเอียดพอที่จะตกแต่งรูปหลังจากแต่งมากนัก และรูป ProRAW ที่ถ่ายจาก iPhone สามารถแก้ไขจาก Photos ได้เลย

ส่วนระบบวิดีโอ iPhone 12 Pro รองรับ HDR Video Recording รองรับการอัดวิดีโอแบบ 10-bit HDR บน iPhone และเสียง Dolby Vision ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 60 เฟรมต่อวินาที และระบบกันสั่นระดับภาพยนตร์

ระบบชาร์จแบตเตอรี่ MagSafe ที่ Apple ต้องการปรับปรุงระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายของ iPhone โดย ​Apple จะนำแม่เหล็กมาติดกับ iPhone ให้ iPhone สามารถชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายผ่านระบบชาร์จ MagSafe ได้แบบไม่ต้องกะตำแหน่งชาร์จ เพราะที่ชาร์จจะติดกับตัวเครื่องในตำแหน่งที่ถูกต้องเอง และแม่เหล็กนี้ยังคงสามารถใช้เพื่อติดกับอย่างอื่นได้ด้วย อย่างเช่นที่ใส่บัตรหรือเคส ในขณะที่ยังคงใช้กับที่ชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi อื่น ๆ ได้ตามปกติ

LiDAR ระบบเพื่อปรับปรุงการใช้งาน AR เหมือนกับที่ใส่มาแล้วบน iPad Pro เพื่อให้การใช้งาน AR สมจริงมากยิ่งขึ้น รวมถึง iPhone จะใช้ LiDAR ในการปรับปรุงออโต้โฟกัสในพื้นที่แสงน้อยให้ได้ประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 6 เท่า

สำหรับ iPhone 12 Pro เริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ หรือราว 31,000 บาท ส่วน iPhone 12 Pro Max จะเริ่มที่ราคา 1,099 ดอลลาร์ หรือราว 34,000 บาท

ที่มา – Apple Live

ที่มา – macthai

เครดิต : www.innnews.co.th